Menu Bar

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

AMERICA SUPPORTS CORRUPTION SYSTEM OF THE "TAKSIN" REGIME & CALLS "DEMOCRACY"



พลเมืองอเมริกันอาจจะถูกจัดชั้นโดยรัฐบาลอเมริกันเองให้เป็นพลเมืองชั้น 1 ในโลกใบนี้...แต่รัฐบาลอเมริกันกำลังถูกพฤติกรรมของตนเองจัดชั้นให้เป็นรัฐบาลชั้นเลวที่สุดในโลกใบนี้.....
ถ้าพลเมืองอเมริกันจะถูกพลเมืองชาติอื่นรังเกียจและลดระดับให้เป็นพลเมืองชั้นเลว ก็ต้องยอมรับนะว่าพลเมืองอเมริกันเองเป็นผู้เลือกรัฐบาลนี้เข้ามา และพลเมืองอเมริกันก็ไม่เคยคัดค้านนโยบายต่างประเทศแบบสามานย์ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องในทุกรัฐบาลของคนอเมริกัน


ดิฉันได้ไปพบแหล่งข่าวหนึ่งโดยบังเอิญคือwww.altthainews.blogspot.com ซึ่งรายงานโดยคุณโทนี่ (Tony Cartlaucci) ซึ่งรายงานข่าวได้อย่างเที่ยงธรรมตรงตามความจริงที่ปรากฏ ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เค้ารายงานถูกใจดิฉันแล้วก็มานั่งเยินยอกัน ....โทนี่ก็เหมือนกับคุณไมเคิล ยอน ที่มองสถานการณ์ตามที่เป็นจริงบนรากฐานของประวัติความเป็นมา และพูดจากใจจริงตามที่ได้เรียนรู้ตลอดมา ไม่ใช่ทำตัวแบบนักข่าวตามสำนักข่าวผู้ยิ่งใหญ่ที่รายงานข่าวตามที่เห็นต่อหน้าอย่างผิวเผินขาดการวิเคราะห์ความจริงตามเหตุและผลที่ผ่านมาว่า เพราะอะไรที่เกิดขึ้นที่เป็นปัจจัยให้เกิดสิ่งที่เราเห็นๆ กันอยู่นี้ 

เอาล่ะ ขอเข้าไปในประเด็นที่ว่า คุณโทนี่รายงานให้ทราบอย่างฉับพลันทันทีที่อ่านข่าวในบางกอกโพสท์ว่า มีคนบางกลุ่มออกไปต่อต้านการรัฐประหาร ซึ่งในเนื้อข่าวบางกอกโพสท์ได้อ้างว่า การต่อต้านรัฐประหารนี้มีองค์กรสากล 4 องค์กรได้ร่วมประท้วงเรียกร้องให้คืนประชาะธิปไตยแก่พลเมืองชาวไทย .... ซึ่งฟังดูเหมือนว่า ไอ้ 4 องค์กรนี้เป็นเสียงจากทั้งโลก 

คุณโทนี่รายงานอย่างชนิดที่บางกอกโพสท์ต้องเก็บไปคิดนะว่า สิ่งที่บางกอกโพสท์พลาดในการนำเสนอคือ องค์กรทั้ง 4 ที่อ้างถึงนั้น ทุกๆ องค์กรเป็นหน่วยงานที่ได้รับเงินอุดหนุนจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาผ่านหน่วยงานที่ชื่อ กองทุนแห่งชาติสนับสนุนประชาธิปไตย (The US National Endowment for Democracy (NED) ดังนั้นเมื่อร้อยเรียงเข้ากับถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ต่อการรัฐประหารโดยทหารเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (เชิงลบ) องค์กรเหล่านี้ที่ได้รับทุนอุดหนุนจาก NED ของสหรัฐ จึงไม่ได้มีความปรารถนาดีที่จะนำพาสิ่งที่ดีที่สุดมาสู่ประเทศไทยและผลประโยชน์ของคนไทยแต่อย่างใด แต่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของผู้จ่ายเงินอุดหนุนพวกตัวเองและจ่ายค่าเดินทางออกนอกประเทศมาร่วมปฏิบัติการด้วย

หน่วยงานทั้ง 4 ที่มาร่วมปฏิบัติการกับพวกต่อต้านรัฐประหารในไทยคือ 1) The Human Rights Lawyers Association, 2) Cross Cultural Foundation, 3) Union of Civil Liberties และ 4) the Enlawthai Foundation ทั้งนี้เมื่อไปเปิดดูในเว็บไซท์ของ NED (www.ned.org) ก็จะเห็นโต้งๆ เลยว่า NED จ่ายเงินอุดหนุนใครเท่าไหร่ ที่เปิดเผย ณ ตอนนี้ที่หน้าเพจคือ เบอร์ 1 The Human Rights Lawyers Association ได้รับ 20,000 เหรียญฯ และเบอร์ 4 คือ the Enlawthai Foundation ได้มากหน่อยคือ 40,000 เหรียญฯ ทั้งนี้จำนวนนี้เป็นเงินที่สนับสนุนการปฎิบัติการในประเทศไทยช่วงนี้เท่านั้นนะคะ 

นำเสนอเฉพาะประเด็นนี้นะคะ ส่วน Link ข่าวเฉพาะหัวข้อนี้จะแปะไว้ที่ comment อันแรกสุดของโพสท์นี้ค่ะ ไม่อยากแปะตรงนี้ เดี๋ยวจะรบกวนกันกับรูปประกอบ.... และเมื่อท่านเข้าไปในเว็บไซท์ของโทนี่อันนี้แล้ว จะเห็นรายงานข่าวมากมายเกี่ยวกับรัฐประหารในไทยในขณะนี้ สามารถเลือกหยิบบางชิ้นไปอธิบายกับเพื่อนฝูงหรือพันธมิตรทางธุรกิจได้เลย ขอบอกว่า บางข่าวรายงานความระยำของระบอบทักษิณอย่างละเอียดยิบมีลำดับเวลาของแต่ละเหตุการณ์อย่างชัดเจน ต้องเรียกว่าเป็นการชำแหละ ก็ว่าได้ .... 





Jen Psaki in her latest DoS press briefing: Thailand, Ukraine, Saudi Arabia, others --
เจน ซากิ ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ: ประเทศไทย, ยูเครน, ซาอุดิอาระเบีย และ ประเทศอื่น ๆ
มีความเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ยูเครน ในนาทีที่ 31'50" เรื่องของชาวอเมริกันหรืออาจจะเป็นคนชาติอื่นที่พูดภาษาอังกฤษ ในยูเครน
และนาทีที่ 45'50" เป็นการถกเถียงประเด็นที่เกี่ยวกับประเทศไทย แสดงให้เห็นว่ากระทรวงการต่างประเทศนั้นไม่รู้เรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทยเลย พูดออกมาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว กระทรวงการต่างประเทศน่าจะอ่านจากร่างรายงานของนักศึกษาฝึกงานในประเทศไทย
หยุดสักนิดก่อนที่แสดงความคิดเห็นใดๆ: แน่นอนอยู่แล้วว่าประเทศไทยนั้นก็จะยังคงถูกทดสอบและจะเข้มแข็งมากขึ้น จากการเหยียดหยันที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯจะทำอีกต่อๆไปไม่มีจบสิ้น แต่ มันก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า สหรัฐฯยังคงพยายามที่จะข่มประเทศไทย แล้วสักวันมันก็จะย้อนกลับเข้าตัวเอง ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมีสหรัฐฯเพื่อความอยู่รอด และ คนไทยก็รู้ดี
Interesting comments on Ukraine at about 31'50" regarding US or other English speakers there.
At 45'50" discussion of Thailand, demonstrating how clueless the State Department is about Thailand. Utterly clueless. DoS officials must be reading the Cliff Notes on Thailand.
Finger on the pulse: It is clear that Thailand continues to be measured and mature about the constant slights from the US Department of State, but it is also clear that if the US continues to try to bully Thailand, it will eventually backfire. Thailand does not need the USA to survive, and Thais know it.
คำตอบที่น่าจะตรงที่สุด พี่เปลวสีเงินไทยโพสท์อ่านเกมนี้ขาด ชัดเจนครับ
Wednesday, 28 January, 2015 
ทำไมสหรัฐฯ บีบ 'เลิกกฎอัยการศึก'
"นายกฯ ประยุทธ์" ของเรา ไม่ใช่นักการทูต และท่านก็บอก ตัวท่านไม่ใช่นักการเมือง 
แต่ลีลา-ชั้นเชิงผู้ดีในฐานะ "เจ้าบ้าน" พูดจาให้เกียรติ "ตอบสนอง" ท่าทีการวางก้ามเป็นผู้ตรวจการโลกของแขกผู้มาเยือน "นายแดเนียล รัสเซล" ระดับผู้ช่วย รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ ระหว่าง ๒๕-๒๖ ม.ค.๕๘ นั้น
พูดได้คำเดียวว่า..........."เหนือชั้น"!
ยิ่งคนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งมา หยาบกร้าน-ไร้มรรยาทขนาดไหน นายกฯ ประยุทธ์กลับละเอียดอ่อน ให้เกียรติมากขนาดนั้น 
นายรัสเซล ไปปาฐกถาที่จุฬาฯ วานซืน ออกตัวว่า "ไม่เข้าข้างฝ่ายใด"!?
แต่เหมือนเป็นเอเยนต์รับจ้างระบอบทักษิณมาทำงาน มากกว่าเป็นตัวแทนสหรัฐฯ มาทำงานสมานประเทศต่อประเทศ
ก็ฟังที่เขาพูดซี......
"ผมขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า เมื่อผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งถูกปลดออกจากตำแหน่ง ถูกถอดถอนโดยผู้มีอำนาจที่ก่อรัฐประหาร และตกเป็นเป้าด้วยข้อหาอาญาในขณะที่กระบวนการและสถาบันพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยต้องหยุดชะงักลง ประชาคมโลกจึงเกิดความรู้สึกว่า ขั้นตอนเหล่านี้อาจเกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง"
อย่างนี้ "ไม่เข้าข้างฝ่ายใด" งั้นหรือ?
ก็ทำให้ต้องร้อง...อ๋อ!
ไอ้ลีลาวาทะ "คนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จะถอดถอนคนที่มาจากการเลือกตั้งได้อย่างไร" ที่โพสต์ตามโซเชียลมีเดีย และที่พวกยิ่งลักษณ์ใช้เป็นวาทะเก๋นั้น...
ถ้านายรัสเซลไม่รับมาจากพวกยิ่งลักษณ์ตอนพูดคุย ก่อนไปปาฐกถา
ก็แสดงว่านายรัสเซล "ประดิษฐ์คำ" ให้แก๊งยิ่งลักษณ์ใช้ ตั้งแต่แรกแล้ว?
ยิ่งไปดูหัวข้อสนทนาระหว่างแก๊งยิ่งลักษณ์กับนายรัสเซลที่สถานทูตสหรัฐฯ ไม่มีคำไหนพ้นคำว่า "แทรกแซงกิจการภายใน" ของไทย ชนิดไร้มรรยาท น่าละอาย น่ารังเกียจไปได้เลย!
ผมไม่ได้อยู่ในวงสนทนา แต่นาย "สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" ร่วมสนทนา เขาเล่าให้นักข่าวฟังด้วยความภูมิใจ ดังนี้
".............สหรัฐฯ ได้พูดคุยสอบถามถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่ สนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งความจริงสหรัฐฯ ติดตามข่าวคราวตลอด ทราบดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย เพียงแต่อยากฟังจากปาก จึงเล่าให้ฟังว่ามันมีที่มา-ที่ไป และมีขบวนการอย่างไร ยังหาตัวคนผิดไม่ได้ แต่ลงโทษคนกำกับนโยบายไปแล้ว 
และคาดหมายว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์คงมีชะตากรรมไม่ต่างจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซ้ำเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นเหมือนลอกแบบกันมา ต่อไปก็จะมีเหตุการณ์ทำนองว่า...น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบ ชดใช้อันนั้นอันนี้ตามมา"
".............สหรัฐฯ ได้แสดงความเป็นห่วงสิ่งที่เกิดขึ้น อดีตนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งต้องโดนถอดถอนจากคนที่มาจากการแต่งตั้ง ไม่ได้มาตามครรลองประชาธิปไตย เรื่องนี้จะส่งผลกระทบแน่นอน......"
".............นายแดเนียลยังสอบถามว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จึงบอกไปว่าคงต้องรอให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการ ถึงมีการเลือกตั้ง............" 
ครับ...ฟังแล้วเกิดความรู้สึก เป็นการมาสอบถามเรื่องราวแบบ "ไม่เข้าข้างฝ่ายใด" หรือมาร่วมวางแผนสู้กับรัฐบาล คสช.กันแน่?
ก็ทำให้นึกย้อนตั้งแต่ตอน "นางคริสตี เคนนีย์" ยังอยู่เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำไทย คณะสถานทูตสหรัฐฯ ยกไปเยี่ยมสำนักงาน นปช. "แดงทั้งแผ่นดิน" ถึงที่อีสาน
และนึกย้อน วันชาติสหรัฐฯ ปีที่แล้ว...........!
นางคริสตี เคนนีย์ เชิญอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เชิญพรรคเพื่อไทย เชิญคนขบวนการ นปช.และเชิญใครต่อใครไปร่วมงานมากมาย
ยกเว้นนายกฯ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา"!?
ขณะนี้ สหรัฐฯ คบหาไทยแค่ระดับอุปทูต ร่วม ๘ เดือน ที่ทหารเข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศ สหรัฐฯ โกรธ งดการไปมา-หาสู่
ก็เพิ่งครั้งนี้ครั้งแรกที่ นายโอบามาส่งนายแดเนียล รัสเซล ระดับผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นตัวแทนมาเป็น "ผู้ตรวจการโลก"
เรียกเพื่อไทยพบ ไปพบประชาธิปัตย์ ไปพบ รมว.การต่างประเทศของไทย "พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร"
"นายเสข วรรณเมธี" อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลังจากนายรัสเซลพบกับพลเอกธนะศักดิ์ ว่า
"สหรัฐฯ ได้ย้ำท่าทีเดิม คือการขอให้ไทย 'ยกเลิกกฎอัยการศึก' และไม่ได้พูดคุยถึงตัวบุคคลนักการเมืองใดๆ รวมทั้งไม่ได้พูดถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
"นางเจน ซากี" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐฯ แหวมาทันทีว่า.....
"ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ จะไม่อาจกลับเป็นปกติได้ จนกว่าจะมีการฟื้นฟูประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่"
พูดยังกะว่า ไทยตายแน่...ไทยกลัว ถ้าสหรัฐฯ ตัดสัมพันธ์ หัดตักน้ำใส่กะโหลกก่อนพูดบ้าง จะเป็นกุศลแก่ชาติตัวเอง
นี่น่ะเรอะทัศนคติ "มหามิตร" ยาวนานร่วม ๒๐๐ ปี?
ยุคสฤษดิ์ปฏิวัติ ถนอมปฏิวัติ ยุค ๑๔ ตุลา ๖ ตุลา จอว์ปฏิวัติ สุจินดาปฏิวัติ สหรัฐฯ ก็ใช้กฎหมายฉบับเดียวกับที่ใช้อยู่วันนี้
กฎหมายสหรัฐฯ ห้ามคบประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย........
แต่ไทยปฏิวัติทีไร สหรัฐฯ หลิ่วตาบ้าง เอาหูไปนา-เอาตาไปไร่บ้าง ขยิบตาให้ปฏิวัติเองบ้าง 
สหรัฐฯ ไม่เสียประโยชน์ มีแต่สมประโยชน์และประโยชน์เพิ่ม จึงไม่เคยเล่นบทปิศาจคาบคัมภีร์ประชาธิปไตย ถึงขนาดพูดจาหยาบหยาม-หมิ่นศักดิ์ศรีกันเหมือนครั้งนี้
เพราะอะไร?
เพราะตั้งแต่ยุคจอมพลสฤษดิ์เรื่อยมาถึงยุคทักษิณ ไทยไม่ใช่เมืองขึ้นสหรัฐฯ ตามกฎหมาย แต่พฤตินัยไทยเป็นประเทศ "ตามใบสั่ง" สหรัฐฯ มาตลอด 
จักรวรรดิอำนาจทุนตะวันตก ภายใต้แผน "รัฐบาลโลก" เข้าแทรกและปรุงเสร็จผ่านแผน "พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมชาติ" ของไทย ตั้งแต่ฉบับที่ ๑ เรื่อยมา
ไทยเมืองคุณธรรมสังคมเกษตร ถูกระบบทุนสหรัฐฯ ครอบและเปลี่ยนเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ตัวเองไม่เป็นและเป็นไม่ได้ 
สหรัฐฯ คล้องคอไว้ โดยหลอกให้เป็นหนี้ ให้กู้เงินเปลี่ยนเมืองไทยคุณธรรมสังคมเกษตร .........
ไปเป็นเมืองอุตสาหกรรมเครื่องจักร สังคมทาสทุน!
ไทยตกเป็นประเทศ "ทาสทุนวัตถุ" ติดหล่มลึก และยิ่งลึกถึงสังคมรากหญ้า เมื่อตอกย้ำด้วย "ประชานิยม" ตั้งแต่สมัยทักษิณเรื่อยมา 
"อำนาจโลก" คืออำนาจสหรัฐฯ และด้วยสหรัฐฯ หลอกให้ไทยกลัวคอมมิวนิสต์ถึงขั้น "เกลียดจีน" ตั้งองค์กรปลุกปั่น โหมประชาสัมพันธ์ จนไทยกับจีน "ปิดโลก-ปิดประเทศ" กันไปเลย
ไทยจึงเป็นเบี้ยในกระดานการเมืองโลก เดินตามนิ้วสหรัฐฯ ชี้มากว่าค่อนศตวรรษ!
ถ้าระบอบทักษิณใต้อาณัติสหรัฐฯ ยังครองไทย อำนาจชี้นิ้ว-ชักใย ก็จะยังเป็นของสหรัฐฯ เหมือนเดิม
กับสถาบันชาติ...ตอนนี้ชัดแล้ว ต่อหน้า สหรัฐฯ พูดอย่าง แต่ลับหลัง ทำกับสถาบันชาติไปอีกอย่าง!
เมื่อมวลมหาประชาชน กปปส.ซึ่งชัดเจน พิทักษ์ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ออกต้านแดงทั้งแผ่นดิน ซึ่งมีเป้าหมายล้มสถาบัน เปลี่ยนระบอบ
นั่นแหละ...สหรัฐฯ ที่ "กระดิกตีน" มาตลอด เพราะไต๋ คือระบอบทักษิณอยู่ในมือ ผนึกแผน-ผนึกประโยชน์ ไม่มีพลิก
กลับพลิกขึ้นมาทันที!
ยึดอำนาจไม่ทำให้พลิก แต่ถ้ายึดโดยพลเอกประยุทธ์ ผู้ไม่ยอมเป็นแตงโมให้ระบอบทักษิณ ...พลิกแน่
สหรัฐฯ จึงส่งนายแดเนียล รัสเซล มาไทยครั้งหนึ่ง ตอนก่อนพลเอกประยุทธ์เข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศ
มาส่งสัญญาณเป็นความปรารถนาดีต่อประชาธิปไตยไทย ทำในลักษณะห้ามมวยแบบ ปล่อยรัฐบาลระบอบทักษิณ แต่ล็อกคอฝ่ายที่จะมากำจัดรัฐบาลโกงบ้าน-กินเมือง 
ลงท้าย...ทหารที่ไม่สนับสนุนการโกงชาติและล้มชาติ ก็นำคณะทหารเข้ายึดอำนาจปกครองประเทศ เป็นไปตามที่สหรัฐฯ หวั่นจนได้
นั่นคือ เหตุผลแรก โกรธ....หมูเขากำลังจะหาม กองทัพดันเอาคานเข้ามาสอด เพราะถ้า "แดงทั้งแผ่นดิน" สำเร็จ 
สหรัฐฯ ก็สำเร็จ!
และเหตุผลที่สอง สหรัฐฯ วิเคราะห์ขาดอยู่แล้ว ถ้ากองทัพปฏิวัติ โดยพลเอกประยุทธ์นำ "ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์" คือเป้าหมายต้องพิทักษ์
ไม่ใช่ "ระบอบทักษิณ"!
ถ้าระบอบทักษิณตาย อำนาจสหรัฐฯ ชี้นิ้วประเทศไทย ก็ตายด้วย!
ก็ดูซี...แค่ ๗ เดือน ในหัวใจคนไทย มีแต่จีน ไม่มีสหรัฐฯ ถึงยังเหลือก็เจือจาง เพราะจีนจริงใจกับสถาบันกษัตริย์ไทย!
รัฐบาลจีน-รัฐบาลไทย จึงสัมพันธ์ด้วยน้ำใสใจจริง การที่มหาอำนาจลดสัมพันธ์ จึงไม่มีผลกระทบกระเทือนไทยมากนัก
สภาพนี้ การกลับเข้ามาครองอำนาจในเอเชีย-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ตีบตัน และยากมากขึ้น!
นี่กระมัง โอบามาจึงส่งนายแดเนียล รัสเซล เข้ามาเล่นบท "กุ๊ยตะวันตก" ทุบโต๊ะสั่ง...........รัฐบาล คสช. "ต้องยกเลิกกฎอัยการศึก"!
สหรัฐฯ เดือดร้อนอะไรกับการที่ไทยยังใช้กฎอัยการศึก?
เดือดร้อนซี...เดือดร้อนมากด้วย!
จำเป็นต้อง "สร้างเงื่อนไข" เป็นการกรุยทางให้ขบวนการระบอบทักษิณออกมาเคลื่อนไหว "บีบ-กดดัน" ให้มีเลือกตั้งหลังตุลา ๕๘ ให้ได้ 
หรือไม่ก็ ให้พลเอกประยุทธ์ "ถอดใจ" ออกไป!
เพราะขืนให้พลเอกประยุทธ์อยู่ ระบอบทักษิณติดคุก-ตาย และการกลับเข้ามาใช้ไทยเป็นฐานของสหรัฐฯ.....ยากแล้ว.