Menu Bar
(ย้ายไปยัง ...)
หน้าแรก
CONTACT US (ติดต่อเรา)
LINKS (เว็บลิงก์)
Shop's Location
▼
คาถา "พระมหาจักรพรรดิ" ของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา
"The Jakrapat Pray"
Jakrapat praying was founded by Luangpoodoo; Luangpoo had designed the prayer to give Great dharma power (Buddha’s energy) to the prayer, and also provide a Buddha divine energy on the soul and body of the prayer as well.
Introduction prayer : Namo tussah pakawator are raha tor summa sumput tassa Namo tussah pakawator are raha tor summa sumput tassa Namo tussah pakawator are raha tor summa sumput tassa
THE JAKRAPAT PRAY
"Na mo put ta ya Praput ta Tri rat ta na yarn Manee nop pa rat sri sa hut sa su tum ma Putto Tummo Sungko ya ta put mo na Putta bucha, Tumma bucha, Sungka bucha Auck kee ta nung wa rung kan tung si wa lee Ja ma ha teh rung Are hung one ta mi tu ra tor, are hung one ta mi ta tu yo, are hung one ta mi sup pa soe Put ta, Tum ma, Sung ka bu che mi"Summary and Summon the divine prayer Sup pe put ta, Sup pe tum ma, Sup pe sung ka Pa lub pat ta, pat j ka nun ja yung pa lung Are ra hun ta nun ja te che na, ruk kun pun ta mi sup pa soh Put tung a tit ta mi
Tum mung a tit ta mi
Sung kung a tit ta mi [Peaceful the mind . . .] ย้อนรอยและอานิสงส์ คาถาพระมหาจักรพรรดิ.. “นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ
มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา
พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
อัคคีทานัง วะรังคันธัง
สีวลี จะมหาเถรัง อะหังวันทามิ ทูระโต
อะหังวันทามิ ธาตุโย
อะหังวันทามิ สัพพะโส
พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ” “พระคาถามหาจักรพรรดิ” เป็นพระคาถาที่ได้แรงบันดาล ใจมาจาก “ชมพูปติสูตร” ในตอนที่พระพุทธเจ้าทรงเนรม ิตพระองค์เป็นพระเจ้าจักรพร รดิเพื่อกำราบทิษฐิพญาชมพูบดีพระมหากษัตริย์ผู้มา กด้วยอิทธิฤทธิ์ โดยผู้ที่รจนาพระคาถาบทนี้ข ึ้นมาก็คือ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก จ.อยุธยา พระผู้เป็นดั่งร่มโพธิ์แก้ว ที่แผ่กิ่งก้านใบบุญบารมีมอ บความร่มเย็นเป็นสุข ให้แก่ลูกศิษย์ทั่วทุกชนชั้ นอย่างไม่มีประมาณตามแนวทาง แห่งพระศรีอาริยเมตไตรโพธ ิสัตว์และหลวงปู่ทวดเหยียบน ้ำทะเลจืด ซึ่งพระคาถานี้เป็นพระคาถาห ลักที่หลวงปู่ดู่ใช้ในการรว มบารมีแผ่เมตตาช่วย เหลือภพภูมิทั้งหลายทั่วสาม แดนโลกธาตุ และใช้ในการอธิษฐานจิตปลุกเ สกพระเครื่องทุกชนิดของท่าน โดยท่านได้ถ่ายทอดความรู้ทั ้้งหลาย รวมทั้งพระคาถามหาจักรพรรดิ นี้ ไว้ให้แก่ลูกศิษย์ผู้เป็นหน ่อโพธิ์แก้วต้นใหม่ที่จะทำห น้าที่สร้างความร่มเย็นเป็นสุขให้แก่ลูกศิษย์ใ นรุ่นหลังต่อไปก็คือ พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร หรือ หลวงตาม้า แห่งวัดถ้ำเมืองนะ นั่นเอง เคยมีลูกศิษย์ที่ทันสังขารห ลวงปู่ดู่ท่านหนึงสนทนากับห ลวงปู่ถึงเรื่อง 'คาถามหาจักรพรรดิ' ลูกศิษย์ "หลวงพ่อเป็นผู้แต่งคาถาบูช าพระ คาถามหาจักรพรรดิ ใช่มั้ยครับ" หลวงปู่ "สำเภาเขาสร้างพระพุทธรูป อยากได้คาถาบูชาพระ ก็เลยมานึกเอาเอง มันจะผิดอยู่หน่อยหนึ่งตรงค ำบูชาที่มี นะโมพุทธายะ แล้วก็ ยะธาพุทโมนะ หรือแกว่าไง" หลวงปู่ท่านถามเป็นนัยๆ ลูกศิษย์ "ปกติ การตั้งองค์พระ การอธิษฐานให้เป็นพระ โบราณเขาใช้กันว่า นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ ดังการที่หลวงพ่อกล่าวเช่นน ี้ ต้องการให้บูชาคาถาเกิดเป็น พระพุทธเจ้าปางมหาจักรพรรดิ ใช่ไหมครับ" หลวงปู่ดู่ท่านพยักหน้ารับ ทั้งหลวงปู่ดู่ยังกล่าวต่อไ ป เกี่ยวกับบทบูชาพระที่นิยมน ำมาเรียกกันว่าคาถาจักรพรรด ิในปัจจุบันนี้อีกว่า "คาถา บทนี้เป็นของดี หมั่นท่องไว้ทุกวัน ปกติเขาไม่ให้กันหรอกเพราะเ ขากลัวลูกศิษย์จะดีกว่าอาจา รย์ แต่ข้าไม่เคยกลัวและไม่ปิดบ ัง ท่องให้ดีนะอีกหน่อยจะรวย เพราะมีการกล่าวถึงพระสิวลี ผู้เป็นเลิศทางลาภไว้ด้วย อาบไปเสกไปก็ได้ กินข้าวก็ได้ ดีทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามาบอก พวกแก ข้าทดลองมาแล้วทั้งนั้น เมื่อดีแล้วจึงมาบอก ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ ที่ศรัทธาและหมั่นฝึกฝนปฏิบ ัติ คนเราอยู่ดีๆจะให้รวยได้อย่ างไร ต้องปฏิบัติเสียก่อน ดูอย่างข้าเมื่อก่อนต้องไปย ืมเงินเขามาซื้อธูปเทียนใบช ามาเลี้ยงแขก เดี๋ยวนี้ของกินของใช้มีใช้ เกลื่อนกลาดไป เรามาพบไม้งามเมื่อยามขวานบิ่น แกว่าจริงไหมของดีของอร่อยก ินก็ไม่ได้ ฟันไม่มี" หลวงพ่อหัวเราะ และยังเสริมอีกว่า "คนเราต้องทำให้ดีเมื่อดีแล ้วจึงรวย แล้วจะได้ไม่ซวย พระจะดีต้องหมดอยาก ถ้ายังอยากอยู่ก็ไม่ใช่พระด ี" คาถาบูชาพระที่หลวงปู่ดู่ท่ านย้ำเอาไว้ให้หมั่นท่องไว้ ทุกวันนั้น ต่อมาภายหลังมีลูกศิษย์นำไป สวด แล้วเห็นว่ากายทิพย์ทรงเครื ่องเป็นมหาจักรพรรดิ และมีพลังงานขับเคลื่อนเป็น พิเศษทำนองนั้น จึงได้นำมากราบเรียนถามหลวง ตาม้าในโอกาสที่หลวงตาลงมา กทม. วันหนึ่ง หลวงตาจึงไขความลับให้ฟังทั ่วกันว่า ขณะที่สวดคาถามหาจักรพรรดิน ั้น ถ้าเทวดาผ่านมาก็จะเห็น แม้แต่ หนู หมา แมว บางครั้งก็สามารถเห็นนิมิตนี้ ้ได้เช่นกัน ทุกอย่างที่หลวงปู่ตั้งใจรว บรวมเอาไว้ในพระคาถา ดังที่หลวงตาได้อธิบายเอาไว ้ จะมาปรากฏที่กายพลังงานของผ ู้สวดตลอดเวลาที่กำลังสวด ที่หลวงตาเรียกว่าจิตทำการบ ันทึกบุญเอาไว้ตลอดเวลา หรือหลังจากสวดแล้ว เจ้าตัวสามารถทรงอารมณ์นั้น เอาไว้ได้ กายพลังงานก็จะมีพลังงานต่า งๆในพระคาถาปรากฏอยู่ พลังงานในพระคาถาเป็นอย่างน ี้เอง หลวงปู่ดู่จึงได้เน้นย้ำเอา ไว้ ให้ลูกหลานหมั่นสวดเป็นประจ ำ จะกินจะดื่ม จะอาบน้ำก็ดี หรือนึกขึ้นได้เมื่อใดสวดเม ื่อนั้น ด้วยเกิดพลังงานบุญกุศลที่ย ิ่งใหญ่มหาศาล ที่หลวงปู่ไม่ได้แจงรายละเอ ียด รอเวลาเมื่อสิ่งเหล่านี้ได้ มาปรากฏในผู้สวดแล้ว จึงนำมาถามถึงปรากฏการณ์ที่ เกิดขึ้นกับตนว่าเป็นสิ่งไร กันแน่....เป็นการพิสูจน์คุ ณวิเศษของพระคาถา ที่มีคุณประโยชน์ใหญ่หลวงแก ่ผู้ที่สวดช่วยทำให้ตนเป็นท ี่พึ่งแห่งตนได้ในที่สุด หลวงปู่ท่านพูดน้อยแต่แฝงเอ าไว้ด้วยนัยแห่งคุณประโยชน์ ที่ยิ่งใหญ่ . . . หลวงปู่ดู่ท่านยังกล่าวถึงก ารใช้บทบูชาพระหรือคาถาพระม หาจักรพรรดิของท่านว่า "ข้าเป็นคนโลภมากทำอะไรก็อย ากทำให้มากที่สุด ดีที่สุด เดี๋ยวนี้ใช้แค่บทนี้ทั้งนั ้ัน ใครมานั่งคุมเล่าข้าเสกเขาก ็รู้เองแหละว่าทำจริงหรือไม ่จริง" หลวงปู่ดู่ท่านเคยมีลูกศิษย ์คนหนึ่งเป็นพระ ต่อมาท่านไม่มาหาหลวงพ่ออีก เนื่องจากหลวงพ่อพูดว่า "ยังไม่ไปนิพพานเพราะต้องโป รดคน" แต่พระองค์นี้ไปตีความไปว่า หลวงพ่อยังติดอยู่กับลาภยศ ชื่อเสียง ซึ่งความจริงแล้วหลวงพ่อมีเ มตตาและบอกความปราถนาของท่า นให้ทราบว่าท่านเป็น พระโพธิสัตว์ สาเหตุอันเนื่องจากการที่บท ความนี้กล่าวท้าวความเกี่ยว กับบท ชมพูบดีสูตร หรือบทมหาจักรพรรดิ์ไว้เนื่ องจากปัจจุบันขาดผู้สนใจ เห็นเป็นเรื่องเหลวไหล แม้แต่พระบางองค์ท่านยังกล่ าวว่าเกินความจริง โดยท่านลืมนึกถึงคำว่า "อจินไตย" คือสิ่งไม่ควรคิดเพราะไม่สา มารถนำเหตุผลทางโลกหรือทางท ฤษฎีมาทำให้เกิดความ กระจ่างได้ เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติพึง รู้ได้เอง ถ้าคิดมากอาจเป็นบ้า สิ่งเหล่านี้ได้แก่ 1. พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้า เช่น ทำไมท่านถึงตรัสรู้ได้ ท่านมีอิทธิปาฏิหาริย์จริงห รือ 2. วิสัยของกรรม เช่น ทำไมคนนั้นคนนี้รวย จน สมบูรณ์ กำพร้า 3. วิสัยของพระอรหันต์ เช่น ท่านหมดโลภ โกรธ หลงหรือ 4. วิสัยของโลก เช่น โลกเกิดมาได้อย่างไร 5. วิสัยของผู้ปฏิบัติธรรม เช่น ลักษณะที่สงบเป็นอย่างไร สงบจริงหรือไม่ หลวงปู่สร้างพระตลอดมาตั้งแ ต่สมัยบวชใหม่ ท่านบอกว่า ใจเราจะได้อยู่กับพระ เป็นบุญเป็นกุศลดีกว่าไปทำอ ย่างอื่น จนมาถึงครั้งสำคัญ ที่ท่านได้วิชามหาจักรพรรดิ คือ ท่านเจ้าคุณใหญ่ มีหนังสือขอมโบราณ หลวงปู่เอามาอ่านตอนที่พระพ ุทธองค์ปราบท้าวมหาชมพู ซึ่งถือตัวว่าเป็นพระมหาจัก รพรรดิมีอำนาจมาก ท่านเล่าให้ฟังว่า "อ่านไปก็ยิ่งมีความปิติ อ่านจนถึงเกือบเที่ยงคืน จนเจ้าคุณใหญ่กลับมาจากงานส วด ตั้งแต่นั้นก็ทำเรื่อยมา ของอะไรก็ตามไม่ใช่ทำวันเดี ยว ต้องทำหลายครั้งจึงจะได้ ข้าเคยไปสักกับหลวงพ่อแสงที ่บางบาล สักแล้วก็เข้าไปขอคาถาท่านว ่า "ถ้าไม่กินก็ไม่ต้องทำ" พูดแล้วปิดกุฏิเข้าไปเลยไม่ ออกมา เราก็มานั่งตรองดูก็จริงตาม ที่ท่านว่า คือ คนที่ไม่กินก็ต้องตาย อยู่ในโลกก็ต้องทำงาน พวกแกตอนนี้ต้องอยู่ในโลก เหยียบเรือ ๒ แคมไปก่อน โลกบ้างธรรมบ้าง โลกอย่างเดียวก็ไม่ดี ธรรมอย่างเดียวก็ต้องบวช ค่อยๆ ทำไปเถิด นักศึกษาที่เรียนหนังสือ ถ้าลองทำให้ดี เราเรียนเพื่อตัวเอง เพื่อพ่อแม่ เพื่อประเทศชาติ เราคิดอย่างนี้ก็ได้บุญแล้ว " ท่านพูดถึงที่มาของคาถามหาจ ักรพรรดิ และยังแถมท้ายเรื่องที่ชวนค ิดเป็นธรรมะอีกด้วย พรรณนาโวหาร.. อานิสงส์การสวดบทพระบรมมหาจ ักรพรรดิ โดยย่อกล่าวคือ บทนี้เป็นการสวดไหว้พระพุทธ เจ้าทั่วทั้งพระนิพพานตลอดจ นถึงพระธรรมเจ้าและพระโพธิส ัตว์เจ้า พระอริยสงฆ์สาวกทั้งมวลไหว้ พระพุทธเจ้าทั้ง5พระองค์รวม ถึงน้อมนำกำลังของเทพพรหมพร ะอริยะเจ้าทั้งหลาย การสวดครั้งหนึงเป็นการดึงก ำลังของพระเจ้าจักรพรรดิทุก ๆพระองค์ตั้งแต่อดีตจนถึงปั จจุบันมาร่วมถึงกำลังของพระ มหาโพธิสัตว์เจ้ามารวมอารธน าเข้าที่กายและใจและรวมกำลั งของพระโพธิญานโพธิสัตว์เจ้ าทั้งหลายตั้งแต่อดีต ถึง ปัจจุบัน และอณาคต การสวดครั้งหนึงมีอานิสงส์แ ผ่ไปทั่วจักวาลสามแดนโลกธาต ุสามารถแผ่บญไปทั่วทุกสรรพส ัตว์ตลอดจนเทวดาประจำตัวเรา ญาติมิตรเพื่อนฝูงครอบครัวเ จ้ากรรมนายเวรและหากนำบทสวด นี้ไปสวดในนรกหรือแผ่ไปไฟนร กจะดับชั่วขณะ บทนี้เป็นการสร้างกำแพงแก้ว คุ้มกันตัวร่วมถึงการอารธนา บารมีครูบาอาจารย์พระพุทธพร ะธรรมพระสงฆ์อัญเชิญเข้าตัว เพื่อป้องกันภัยและสร้างมหา โชคมหาลาภ อานิสงส์แก่ผู้สวดมีทั่งมหา บุญมหาลาภเนื่องจากมีการกล่ าวถึงพระสีวลีร่วมถึงบทนี้ม ีพลังงานอย่างยิ่งในการเจริ ญพระกรรมฐาน หากนำไปสวดบริกรรมก่อนหรือร ะหว่างนั่งภาวนากรรมฐาน...จ ะทำให้การภาวนามีพุทธานุภาพ มาคลุมและคุมการปฎิบัติของเ รา คลุมกายและจิตเราเป็นวิมานท ิพย์(ครอบวิมานให้ตัวเองหรื อสวดอธิษฐานครอบคนอื่นก็ได้ ) หากสวดบทนี้สามารถอฐิษฐานเร ื่องราวใดๆมี่ติดข้องใจได้ใ ห้ผ่านพ้นไปอย่างทะลุปรุโปร ่ง กล่าวโดยสรุปได้ว่าคาถาจักร พรรดินี้ จากการเรียบเรียงถ้อยคำโดยห ลวงปู่ดู่ท่าน ก่อให้เกิด จักรพรรดิ กำลังจักรพรรดิขึ้นด้วยในบท สวด พระคาถาครอบจักรวาล ปล.สำหรับนักปฎิบัติเบื้องต ้นใช้คู่กับพระผงจักรพรรดิจ ะทำให้ก้าวหน้าเร็ว บทนี้เป็นการสวดไหว้พระพุทธ เจ้าทั่วทั้งพระนิพพานตลอดจ นถึงพระธรรมเจ้าและพระโพธิส ัตว์เจ้า พระอริยสงฆ์สาวกทั้งมวลไหว้ พระพุทธเจ้าทั้ง5พระองค์รวม ถึงน้อมนำกำลังของเทพพรหมพร ะอริยะเจ้าทั้งหลาย การสวดครั้งหนึงเป็นการดึงก ำลังของพระเจ้าจักรพรรดิทุก ๆพระองค์ตั้งแต่อดีตจนถึงปั จจุบันมาร่วมถึงกำลังของ พระมหาโพธิสัตว์เจ้ามารวมอา รธนาเข้าที่กายและใจ และรวมกำลังของพระโพธิญานโพ ธิสัตว์เจ้าทั้งหลายตั้งแต่ อดีต ถึง ปัจจุบัน และอณาคต การสวดครั้งหนึงมีอานิสงส์แ ผ่ไปทั่วจักวาลสามแดนโลกธาต ุสามารถแผ่บญไปทั่วทุกสรรพส ัตว์ตลอดจนเทวดา ประจำตัวเราญาติมิตรเพื่อนฝ ูงครอบครัวเจ้ากรรมนายเวรแล ะหากนำบทสวดนี้ไปสวดในนรกหร ือแผ่ไปไฟนรกจะดับชั่วขณะ บทนี้เป็นการสร้างกำแพงแก้ว คุ้มกันตัวร่วมถึงการอารธนา บารมีครูบาอาจารย์พระพุทธพร ะธรรมพระสงฆ์อัญเชิญเข้าตัว เพื่อ ป้องกันภัยและสร้างมหาโชคมห าลาภ อานิสงส์แก่ผู้สวดมีทั้งมหา บุญมหาลาภเนื่องจากมีการกล่ าวถึงพระสีวลีร่วมถึงบทนี้ม ีพลังงานอย่างยิ่งในการเจริ ญพระกรรมฐาน หากนำไปสวดบริกรรมก่อนหรือร ะหว่างนั่งภาวนากรรมฐาน...จ ะทำให้การภาวนามีพุทธานุภาพ มาคลุมและคุมการปฎิบัติของเ รา คลุมกายและจิตเราเป็นวิมานท ิพย์(ครอบวิมานให้ตัวเองหรื อสวดอธิษฐานครอบคนอื่นก็ได้ ) หากสวดบทนี้สามารถอฐิษฐานเร ื่องราวใดๆมี่ติดข้องใจได้ใ ห้ผ่านพ้นไปอย่างทะลุปรุโปร ่ง กล่าวโดยสรุปได้ว่าคาถาจักร พรรดินี้ จากการเรียบเรียงถ้อยคำโดยห ลวงปู่ดู่ท่าน ก่อให้เกิด จักรพรรดิ กำลังจักรพรรดิขึ้นด้วยในบท สวด พระคาถาครอบจักรวาล ปล.สำหรับนักปฎิบัติเบื้องต ้นใช้คู่กับพระผงจักรพรรดิจ ะทำให้ก้าวหน้าเร็ว พระคาถามหาจักรพรรดิก่อให้เ กิด พุทธนิมิตครอบสถิตผู้ทรงคาถ า พระคาถามหาจักรพรรดิที่หลวง ปู่ดู่แต่งขึ้นมานั้น นอกจากท่านจะได้ทำการอธิษฐา นบารมีให้ผู้สวดได้รับพลังจ ากพระรัตนตรัย อย่างมหาศาลแล้ว ยังก่อให้กิด "พุทธนิมิต" เป็นวิมานแก้วพระพุทธเจ้า มาครอบสถิตผู้สวดด้วย โดยมีลักษณะเป็นมณฑปแก้วจต ุรมุข ปรากฎฉัพพรรณรังสีหกประการส ว่างไสวพร้อมด้วยโพธิสัตตร าวุธ ทั้ง 4 ประการ ประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ ได้แก่ พระมหามงกุฎ ตรีศูล จักรแก้ว และ พระขรรค์เพชร ทั้งหมดล้วนเป็นของคู่บุญบา รมี ของพระศรีอารย์โพธิสัตว์ โดยมี "พระมหามงกุฎ" เป็นศิราภรณ์ที่เปี่ยมไปด้วย บุญญฤทธิ์ (หลวงปู่บุดดา ถาวโร พระอรหันต์ระดับจตุปฎิสัมภิ ทาญานได้เคย นำมาถวายหลวงปู่ดู่เป็นพุทธ บูชาอีกองค์หนึงด้วย) ส่วนอาวุธที่เหลือทั้ง 3 ล้วนเป็นเทพศาสตราวุธชั้นสู ง มีไว้เพื่อประดับบารมีแห่งพ ระโพธิสัตว์ และเปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์อ ย่างยิ่ง หากสวดเป็นประจำสามารถอธิษฐ านให้เกิดเป็นองค์พระพุทธนิ มิต ปางมหาจักรพรรดิได้ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์ และบุญฤทธิ์ มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ประดับด้วยเครื่องทรงแห่งพระ มหาจักรพรรดิ อย่างวิจิตรอลังการเปล่งรัศ มีหลากสีด้วยแสงแห่งรัตนอัญ มณี เรียกว่า "พระมหาวิษิตาภรณ์" มาครอบสถิตผู้ภาวนา บารมีของ หลวงปู่ดู่ที่ท่านน้อมนำอธิ ษฐานจิตจึงมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก เพราะท่านใช้บารมีทั้งหมดขอ งท่านอัญเชิญกระแสบารมีแห่งพ ระรัตนตรัย และตั้งองค์พระพุทธนิมิตปาง มหาจักรพรรดิบรรจุลงไปในวัต ถุมงคลที่บารมี ท่านมาประจุอีกด้วย คำแปล นะโมพุทธายะ : ข้าพเจ้าขอนอบน้อมบูชา ต่อพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คือ นะ - พระกกุสันธะ โม - พระโกนาคม พุท - พระกัสสป ธา - พระสมณโคดม ยะ - พระศรีอริยเมตไตรย พระพุทธไตรรัตนญาณ : พระพุทธเจ้าซึ่งมีพระญาณแก้ วทั้งสาม อันหมายถึง ปุพเพนิวาสานุสติญาณ, จุตูปปาตญาณ, อาสวักขยญาณ มณีนพรัตน์ : มีสมบัติคือแก้ว ๙ ประการ มีเพชร, ทับทิม เป็นต้น ซึ่งหมายถึงพระนวโลกุตรธรรม สีสะหัสสะ สุธรรมา : มีมือถึงพันมือ หมายถึงการที่พระพุทธองค์ ทรงแจกแจงหลักธรรม คือ พระไตรปิฎก ถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ พุทโธ : ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ธัมโม : พระธรรมของพระพุทธเจ้า สังโฆ : พระสาวกผู้ปฏิบัติตาม ยะธาพุทโมนะ : ขอพระพุทธเจ้าปางมหาจักรพรร ดิ ซึ่งมีชัยแก่พญาชมพูผู้มีฤท ธิ์มาก พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ จงบังเกิดขึ้น ณ บัดนี้ด้วยเทอญ พุทธบูชา : ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธเจ้า ธัมมะบูชา : ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรม สังฆะบูชา : ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์ อัคคีทานัง วะรังคันธัง : ด้วยสิ่งเหล่านี้ ได้แก่ ธูป เทียน ไฟ หรือแสงสว่าง และของหอมทั้งมวล มีดอกไม้และน้ำอบ เป็นต้น สีวลี จะมหาเถรัง : ขอนมัสการพระสีวลีเถระเจ้า ผู้เป็นเลิศทางลาภสักการะ อะหังวันทามิ ทูระโต : ขอนมัสการสถานศักดิ์สิทธิ์ท ั่วไป มีสังเวชนียสถาน เป็นต้น อะหังวันทามิ ธาตุโย : ขอนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุทั้งหลาย ทั่วทั้งแสนโกฏิจักรวาล อะหังวันทามิ สัพพะโส : ขอนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท ั้งหลาย พุทธะ ธัมมะ สังฆะ : ซึ่งเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ปูเชมิ : ด้วยเทอญ
นรูป.. พระแก้วแดงทรงเครื่องจักรพร รดิ ประดับทองคำและอัญมณีแท้ ทั้งองค์ สื่อพุทธบารมีกำลังจักรพรรด ิรวมแห่งพระศรีอริยเมตไตรยพ ุทธเจ้า อฐิษฐานจิตอาราธนาบารมีองค์ พระแก้วแดง โดย พระอาจารย์ วรงคต วิริยธโร หลวงตาม้า ประดิษฐาน ณ วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อเป็นศาสนสมบัติสืบทอดอ ายุพระศาสนาสืบไป และเป็นพุทธบาร มีที่พึ่งแด่พุทธศาสนิกชน ตลอดจนภพภูมิทั้งหลายทั่วทั ้งสามแดนโลกธาตุ เพื่อความมงคลร่มเย็นเป็นสุ ข น้อมนำจิตสู่กระแสแห่งธรรมข องสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า.. ชมสารคดีวัดพุทธพรหมปัญโญได ้ที่http://youtu.be/ Bh6HdoefqMI ขอบุญนี้จงถึงแด่ทุกท่านทุก รูปนาม ทุกประการเทอญ.. The Buddha statue you see in this picture is made of red stone and has been altered to appear glassy transparent, for the decoration they are made of real gold, diamonds and jewelry. This Buddha statue is enshrined at our Temple in the province of Chiangmai, Thailand, and stands to represent the teaching and good will of lord Buddha for Buddhist to remind them self of the teaching and the way of Bodhidharma. You can watch a documentary about our temple with English subtitle's at this link http://youtu.be/ hcC1XkapVrc Best wishes.. เหตุใดพระพุทธรูปองค์ในรูปจ ึงเป็นสีแดง? เสริมความรู้ "พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ และพระแก้วคู่บารมี" พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะม ีพระแก้วประจำองค์ และมีได้ตั้งแต่ยังเป็นโพธิ สัตว์อยู่และจะปรากฎชัดขึ้น ตามความเข้มข้นของบารมีที่ส ร้าง ยุคพระศรีก็จะมีพระแก้วแดงท ำจากทับทิมแดง ส่วนพระแก้วขององค์ปฐมนั้นจ ะเป็นองค์สีขาว ยกตัวอย่างพระแก้วคู่บารมีพ ระพุทธเจ้า ทั้ง 5 พระองค์ในภัทรกัปนี้ 1. "พระกกุสันธพุทธเจ้า" หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัย เป็นพระโพธิสัตว์ หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้ าอีกประมาณ 37,024 พระองค์ เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 40,000 พรรษา พระสรีระสูง 40 ศอก หรือ 20 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 10 เดือน พุทธรังสีสร้านไปไกล 10 โยชน์ (160 กิโลเมตร) พระแก้วประจำองค์ พระแก้วขาว หน้าตักกว้าง 20 วา 2. "พระโกนาคมพุทธเจ้า" หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป ็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ห ลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้ าอีกประมาณ 37,024 พระองค์ เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 30,000 พรรษา พระสรีระสูง 30 ศอก หรือ 15 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 1 เดือน พุทธรังสีสร้านไปไกล ตามแต่พระประสงค์ พระแก้วประจำองค์ พระแก้วเหลือง หน้าตักกว้าง 15 วา 3. "พระกัสสปพุทธเจ้า" หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป ็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ห ลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้ าอีกประมาณ 37,024 พระองค์ เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 20,000 พรรษา พระสรีระสูง 20 ศอก หรือ 10 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน พุทธรังสีสร้านไปไกล ตามแต่พระประสงค์ พระแก้วประจำองค์ พระแก้วน้ำเงิน หน้าตักกว้าง 10 วา 4. "พระศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า" หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป ็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ห ลังจากนั้น 4 องไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้ าหลังได้รับพุทธพยากรณ์อีก 24 พระองค์ เป็นปัญญาพุทธเจ้า อายุไขย 80 พรรษา พระสรีระสูง 4 ศอก หรือ 2 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 6 ปี พุทธรังสีสร้านไปข้างละ 1 วา เป็นปกติ พระแก้วประจำองค์ พระแก้วเขียว(เขียวมรกต) หน้าตักกว้าง 5 วา 5. "พระอริยเมตตรัยพุทธเจ้า" หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป ็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ห ลังจากนั้น 16 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้ าอีกประมาณ 477,029 พระองค์ เป็นวิริยะพุทธเจ้า อายุไขย 80,000 พรรษา พระสรีระสูง 80 ศอก หรือ 40 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน พุทธรังสีสร้านไปไกล ยังกำหนดไม่ได้ พระแก้วประจำองค์ พระแก้วแดง และทรงเครื่องบรมหาจักรพรรด ิ หน้าตักกว้าง 20 วา พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะม ีพระแก้วประจำองค์ และมีได้ตั้งแต่ยังเป็นโพธิ สัตว์อยู่และจะปรากฎชัดขึ้น ตามความเข้มข้นของบารมีที่ส ร้าง ยุคพระศรีก็จะมีพระแก้วแดงท ำจากทับทิมแดง ปัจจุบันนี้ประดิษฐานเตรียม ไว้แล้ว ณ ภูมิทิพย์ ซึ่งซ้อนอยู่กับ สถานที่แห่งหนึง และพระแก้วแดงจะปรากฎออกมา เมื่อถึงยุคพระศรีะอริยเมตต รัยพุทธเจ้า พระแก้วคู่บารมีของพระพุทธเ จ้า องค์ปัจจุบันก็คือพระแก้วมร กตนั้นเอง ส่วนพระแก้วคู่บารมีของพระพ ุทธเจ้าองค์ก่อนๆ เป็นพุทธนิมิตอยู่ที่พระนิพ พานคู่วิมานพระพุทธเจ้าแต่ล ะพระองค์ วันหนึ่ง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ได้เล่าถึงการปฏิบัติ ครั้งคุมสมาธิศิษย์ ยกใจความมาตอนหนึงว่า . . . วันหนึ่งหลวงพ่อได้เล่าถึงก ารปฏิบัติ โดยท่านเป็นผู้บอกว่า “เมื่อไปถึงวิมานแก้วได้แล้ ว เป็นวิมานแก้วของพระพุทธเจ้ าก็เหมือนกุฏิของพระพุทธเจ้ า นอกจากนี้ก็มีวิมานพระธรรม อยู่ไปทางขวามือของพระพุทธเ จ้ามีตู้พระไตรปิฎกอยู่หลาย ตู้ เขียนเป็นภาษาบาลีอักษรขอม ถ้าอยากรู้แปลว่าอะไรให้ถาม หลวงปู่ทวด ซ้ายมือเป็นวิมานของพระสงฆ์ มีพระสงฆ์อยู่พระพุทธเจ้าเป ็นประธาน แกเดินจิตให้ดีจากวิมานแก้ว จะไปถึงพระพุทธรูป 4 องค์ของกัปป์นี้ มีลักษณะหน้าตักกว้างไม่เท่ ากันตามบารมี องค์แรกเป็นของพระกกุสันโธม ีหน้าตักกว้าง 20 วา องค์ที่สองพระโกนาคม หน้าตัก 15 วา องค์ที่สาม ของพระกัสสปหน้าตัก 10 วา องค์ที่สี่ หน้าตัก 5 วา ถ้าเป็นพระศรีอริย์องค์ที่ห ้า ยังไม่ปรากฎถ้าอธิษฐาน ขอดูจะพบว่ามีหน้าตักเท่ากั บองค์แรก เพราะท่านสร้างบารมีมาถึง 16 อสงไขยกับแสนมหากัปป์" อจินไตย 4 ความจริงเรื่องความลึกลับซ่ อนเร้นในพระพุทธศาสนานั้น มิใช่ว่าเพิ่งจะเกิดมีขึ้นม าก็หาไม่ แต่มีมานานแล้วนานนับเป็นกั ปป์เป็นกัลป์เป็นแสนโกฏิอสงไข ยเลยทีเดียว นับแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสั มพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ จำนวนมากมายหลายแสนล้านพระอ งค์ที่จะนับจะประมาณมิได้ “อจินไตย 4” ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ ได้แก่ 1. พุทธวิสัย เรื่องราวแห่งผู้ปรารถนาพุท ธภูมิ ภาวะแห่งพระโพธิสัตว์ และรวมไปถึงอำนาจแห่งพระสัพ พัญญุตญาณอันยิ่งใหญ่ไพศาล และพระมหาบารมีแห่งองค์สมเด ็จพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมม าสัมพุทธเจ้าผู้ทรง พระคุณอันประเสริฐเลิศล้ำทั ่วแดนไตรโลกธาตุอันมนุษยโลก เทวโลก มารโลก ตลอดถึง พรหมโลก ต่างก็กราบไหว้บูชาสักการะซ ึ่งพระพุทธคุณอันหาประมาณมิ ได้ เป็น “อัปมาโณ” ถือเป็นสรณะที่พึ่งอันประเส ริฐสูงสุดของมงคลจักรวาลนี้ เลยทีเดียว 2. ฌานวิสัย ความลึกลับซ่อนเร้นในเรื่อง ของ “ฌานสมาบัติ” และ “ญาณสมาธิ” รวมทั้งท่านผู้ที่ได้อภิญญา ทั้ง โลกียะและโลกุตระ หรือ วิชชา 8 ประการ ที่ทรงไว้ซึ่งความสุขุมลุ่ม ลึกคัมภีรภาพละเอียดอ่อน และมีความวิจิตรพิสดารมาก ตามลำดับขั้นของจิตที่ทรงฌา นและเต็มไปด้วยอภินิหาร คือ อำนาจของจิต (Mind’s Potential or Will power) 3. กรรมวิสัย ความละเอียดลึกล้ำ ในเรื่องของ “กรรมวิบาก” ที่มีผลจำแนกแตกต่างให้สัตว ์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรม 4. โลกวิสัย ความพิสดารในเรื่องราวของ “โลก” ทั้งของมนุษย์ เทวดา มาร พรหม และ สรรพสัตว์ ล้วนมีความแตกต่างกันออกไปท ั่วแสนโกฏิจักรวาลทั้ง 4 เรื่อง 4 รสนี้ ต่างก็มีความวิจิตรพิสดารมา ก ยากที่บุคคลธรรมดาจะทำความเ ข้าใจให้ถ่องแท้ เพราะเป็นเรื่องที่พระพุทธศ าสนาจัดว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรนำมาคิด จึงเรียกว่า “อจินไตย” แปลว่า ไม่ จินไตย คือ จินตนา แปลว่า ความคิด คือ ไม่ให้นำมาคิด นั่นเอง ผู้ใดนำมาคิด พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า จะเป็นผู้มีส่วนแห่งความบ้า เป็นแน่แท้
ทำไว้ตั้งแต่วันนี้ การปฎิบัติธรรมควรทำไว้ตั้ง แต่วันนี้ เดี๋ยวนี้ หากไม่ฝึก ไม่รู้จักเตรียมตัวไว้ตั้งแ ต่ตอนนี้ ตอนจะตายมันจะทรมาน เพราะจิตไม่ได้มีการเตรียมพ ร้อม จิตจะเคว้ง ไม่รู้จะไปไหน เมื่อตายไปแล้วจะลำบาก เพราะไม่ได้สะสมพลังงานบุญไ ว้ ไม่ได้ฝึกจิตให้ละเอียดไว้ เพราะฉะนั้นคนที่ได้มีบุญเข ้าหาธรรมะตั้งแต่ตอนนี้ ถือว่าได้เตรียมตัวตายก่อนต าย เพราะเราต้องตายกันทุกคน เราควรที่จะเข้าหาธรรมะไว้ โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว เพราะต่อไปในการดำเนินชีวิต เราจะต้องพบเจอกับทั้งความส ุข ความทุกข์ ความดีใจ ความเสียใจ หากเราไม่มีธรรมะประจำใจแล้ ว ก็เหมือนเราขาดภูมิคุ้มกันท ี่ดีในการดำเนินชีวิต เมื่อพบเจอกับสิ่งต่างๆมากร ะทบ เรานักปฏิบัติทั้งหลาย อย่าปล่อยเวลาให้หมดไปโดยเป ล่าประโยชน์ ให้หมั่นภาวนาไว้ตลอดเวลา พอลืมตาตื่นก็ให้ภาวนาไปจนถ ึงเวลานอน ให้คำภาวนานั้นหายไปพร้อมกั บการหลับ ทำเช่นนี้ให้เคยชิน ไม่ว่าขณะนั้นกำลังทำอะไรอย ู่ก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ในรถ ในเรือ หรือเดินอยู่ ก็ต้องภาวนา อย่าประมาท การภาวนานี้นอกจากจะเป็นบุญ และทำให้จิตได้ทำงานแล้ว ยังช่วยให้เราไม่ประมาทในคว ามตายด้วย เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่า ตัวเองจะตายเมื่อไหร่ นอกจากพระอรหันต์ท่านเท่านั ้น ฉะนั้น จงภาวนาไป ไม่เสียหาย ไม่เสียตัง มีแต่กำไร เรียบเรียงจากคติธรรมของ หลวงตาม้า วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่