Menu Bar

วันอังคารที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2557

ชาติวิบัติงบปี58ชัตดาวน์ ปูเน่าตัวถ่วงทำประเทศหายนะ





Noy Murray's photo.














ภาวะบ้านเมืองที่อึมครึมสั่งสมไม่กระจ่างชัดไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเสียทีกำลังส่งผลให้ประเทศเกิดวิกฤติในทุกด้านทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคมจนใกล้ที่จะถึงจุดวิกฤติวิบัติหายนะ

ทางด้านการเมืองการเผชิญหน้าระหว่างรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของ นายกนนางดอกงิ้วยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีรัฐตำรวจ ...มวลชนเสื้อแดง และกองกำลังใต้ดินเป็นเครื่องมือเตรียมพร้อมสู้ขั้นแตกหักกับมวลมหาประชาชนภายใต้การนำของ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เลชาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็รประมุข(กปปส.) รวมไปถึงดับเครื่องชนศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังจะลงดาบชี้ชะตานายกฯนางดอกงิ้วในคดีย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ที่ใกล้จะชี้มูลความผิดนายกฯนางดอกงิ้วในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

แต่ที่เป็นวิกฤติเฉพาะหน้าสำคัญที่สุดก็คืองบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ที่จะต้องมีรัฐบาลซึ่งมีอำนาจเต็มมาดำเนินการเบิกจ่ายเพื่อมีเงินใช้ในการขับเคลื่อนประเทศ แต่ภาวะการณ์ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจวบจนปัจจุบันประเทศมีแต่รัฐบาลรักษาภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่พยายามยื้ออำนาจของตัวเองอย่างสุดฤทธิ์ทำให้งบประมาณของประเทศกำลังจะเกิดวิกฤติสร้างความวิบัติครั้งใหญ่

เรื่องนี้ ดร.ปรีชา สุวรรณทัต อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายการเงินการคลัง แสดงความวิตกและส่งสัญญาณเตือนอย่างจริงจังว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นแค่นายกฯรักษาการที่ไม่มีอำนาจเต็มยังขืนอยู่ในตำแหน่งต่อไปก็จะสร้างวิกฤติร้ายแรงจากปัญหางบประมาณปี 2558 ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคมนี้เพราะจะไม่มีงบประมาณแผ่นดินใช้จ่ายหรือชัตดาวน์อย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้เนื่องจากรัฐบาลรักษาการไม่สามารถใช้จ่ายงบประมาณเพราะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 181(3) ที่กำหนดข้อจำกัดและข้อห้ามของคณะรัฐมนตรีรักษาการซึ่งต้องไม่ทำอะไรที่ส่งผลเป็นการผูกพันรัฐบาลชุดต่อไป

ดังนั้น หากรัฐบาลนายกฯนางดอกงิ้วยิ่งลักษณ์อยู่ลากยาวต่อไปจะเกิดความวิบัติฉิบหายครั้งรายแรงและเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ไม่สามารถใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 ได้ ทุกอย่างจะหยุดชะงักไม่มีเงินเพื่อจ่ายเบี้ยเลี้ยงข้าราชการบำนาญ ค่ารักษาพยาบาล หน่วยราชการจำนวนมากต้องปิดทำการเพราะไม่มีงบใช้จ่าย ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนโกลาหลปั่นป่วนไปทั่งประเทศแน่นอนเพราะไม่มีหน่วยราชการคอยให้บริการประชาชน

ดร.ปรีชา จึงชี้ทางสว่างที่ง่ายที่สุดเพื่อผ่าทางตันก่อนเกิดวิกฤติงบประมาณแผ่นดินจะชัตดาวน์ก็คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ควรแสดงสปิริตลาออกโดยเร็วที่สุดโดยไม่ต้องรอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือป.ป.ช.เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มีอำนาจเต็มเข้ามาคลี่คลายวิกฤติได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้หากช้าออกไปเท่าไหร่ประเทศก็จะฉิบหายรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

แต่ปัญหาสำคัญคือนายกฯนางดอกงิ้วแสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าดื้อด้านดังทุรังที่จะกอดอำนาจตัวเองต่อไปโดยไม่สนใจหายนะที่จะเกิดกับชาติบ้านเมือง ดังนั้นเห็นทีมวลมหาประชาชนด้วยความร่วมมือจากเหล่าข้าราชการของแผ่นดินต้องรวมพลังกันขับไล่รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณให้พ้นจากอำนาจโดยเร็วที่สุด
See More


ในเมื่อเจ้าหน้าที่ทำอะไรพวกหมิ่นไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ ผมเห็นด้วยมากๆครับ

'เหรียญทอง'เอาแน่'เก็บขยะสังคม' ตั้งรางวัลล่าหัวพวกล้มเจ้ารับโทษ

ล่าสุด พล.ต.นพ.เหรียญทอง ได้สานต่อเจตนารมณ์ดังกล่าว โดยประชุมกับกลุ่มอาสาที่จะเก็บกวาดขยะสังคมขึ้น ภายในโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะในวันนี้

นอกจากนี้ พล.ต.นพ.เหรียญทอง ประกาศ จัดตั้ง 'กองทุนเก็บขยะแผ่นดิน' โดยได้ตั้งเงินรางวัลแก่ผู้ที่แจ้งเบาะแส ของผู้กระทำความผิด จนถูกจับกุม และรับโทษ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ทำความดี ซึ่งเงินจะแปรผันไปตามโทษของผู้ที่กระทำผิดได้รับ พร้อมเยียวยา ผู้มีความจงรักภักดีถูกดำเนินคดีอันเนื่องจากการละเมิดด้วยเหตุเพราะลุแก่โทสะ โดย ‘กองทุนเก็บขยะแผ่นดิน’ จะเข้าช่วยเหลือในทางคดีและเงินช่วยเหลือเช่นกัน

พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยังระบุว่า การจัดตั้ง’กองทุนเก็บขยะ’ อยู่ในระหว่างการจัดระบบบัญชีการเงินให้โปร่งใส พร้อมเตือน อย่าหลงเชื่อการหลอกลวงให้บริจาคเงินสมทบใดๆทั้งสิ้น

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา โพสต์ไว้ดังนี้

ผมกำลังวางแผนให้เกิดเครือข่ายองค์กรเก็บขยะแทรกซึมไปในทุกอนูของสังคม ทุกหน่วยงาน ทุกพื้นที่ที่พักอาศัย ...และผมกำลังจัดตั้ง’กองทุนเก็บขยะแผ่นดิน’ ขึ้นโดยมีแนวทางการใช้เงินกองทุนดังนี้

1) คนเก็บขยะที่สามารถสืบค้นตัวบุคคล ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ ที่ทำงาน สถานศึกษา พร้อมภาพถ่าย และพฤติกรรมการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ให้หมายรวมถึง ผู้จาบจ้วงในลักษณะกำกวมหรือปกปิดด้วย ... หากบุคคลผู้กระทำผิดนั้น ไม่ซ้ำตัวบุคคลกับบุคคลที่คณะทำงานได้ดำเนินการแล้ว ...กองทุนเก็บขยะจะสนับสนุนเงินรางวัลครั้งที่ 1

2) เมื่อบุคคลที่เป็นขยะตามข้อ 1) ถูกจับกุมและส่งตัวดำเนินคดี คนเก็บขยะที่สืบค้นคนแรก ตามข้อ 1) จะได้เงินรางวัลครั้งที่ 2

3) เมื่อศาลชั้นต้นตัดสินให้จำคุก คนเก็บขยะที่สืบค้นคนแรก ตามข้อ 1) จะได้เงินรางวัลครั้งที่ 3 ทั้งนี้จำนวนเงินรางวัลจะแปรผันเพิ่มขึ้นตามจำนวนปีที่ศาลตัดสินให้จำคุก

4) เมื่อขยะอุทธรณ์คดี และศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินให้จำคุก คนเก็บขยะที่สืบค้นคนแรก ตามข้อ 1) จะได้เงินรางวัลครั้งที่ 4 ทั้งนี้จำนวนเงินรางวัลจะแปรผันเพิ่มขึ้นตามจำนวนปีที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้จำคุก

5) เมื่อขยะฎีกาคดี และศาลฎีกาได้ตัดสินให้จำคุก คนเก็บขยะที่สืบค้นคนแรก ตามข้อ 1) จะได้เงินรางวัลครั้งที่ 5ทั้งนี้จำนวนเงินรางวัลจะแปรผันเพิ่มขึ้นตามจำนวนปีที่ศาลฎีกาตัดสินให้จำคุก

6) ทนายความอาสา ผู้แจ้งเบาะแส และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมก็จะได้รับเงินรางวัลในลักษณะเดียวกันกับ คนเก็บขยะตามข้อ 1)

7) ผมจะจัดตั้งชุดปฏิบัติการสืบค้นประจำชุมชนในลักษณะปกปิด การสืบค้นจะไม่ทำเพียงแค่ทางเว็บไซด์ หรือเฟซบุ๊ค แต่จะครอบคลุมถึงสื่อวิทยุ โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ สำนักพิมพ์ ฯลฯ ด้วย

8) ชุดปฏิบัติการสืบค้น จะมีการแบ่งเขตพื้นที่ปฏิบัติการในรูปแบบ ‘กองร้อยปฏิบัติการสืบค้น’ โดยผู้ปฏิบัติการจะไม่รู้จักกันเลย แต่ละ’กองร้อยฯ’ จะรับผิดชอบเป็นเขตพื้นที่ครอบคลุมแต่ละท้องถิ่น

9) ในกรณีที่มีผู้มีความจงรักภักดีถูกดำเนินคดีอันเนื่องจากการละเมิดด้วยเหตุเพราะลุแก่โทสะ ‘กองทุนเก็บขยะแผ่นดิน’ จะเข้าช่วยเหลือในทางคดีและเงินช่วยเหลือ

10) สำหรับการจัดตั้ง’กองทุนเก็บขยะ’ อยู่ในระหว่างการจัดระบบัญชีการเงินให้โปร่งใส ท่านทั้งหลายอย่าหลงเชื่อการหลอกลวงให้บริจาคเงินสมทบนะครับ ได้โปรดรอความชัดเจนจากผมก่อน

11) อื่นๆ ...โดยเฉพาะมาตรการต่อต้านทางสังคม จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไปครับ ...

ผมและพรรคพวก ไม่ได้ล้อเล่น เรื่องนี้แน่ๆครับ

พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา และคณะ
16 เม.ย.57




ข้าว 2 ล้านตันไม่หาย แค่ไม่ได้ลงบัญชี ขาดทุนแค่แสนล้าน

"..เรื่องข้าวหายจากสต็อก2ล้านตัน ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพบว่าไม่ได้หาย แต่เป็นเพราะไม่ได้ลงบัญชี เรื่องนี้เจ้าของสต็อกจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบและถือว่าข้าวที่เป็นของราชการ ไม่หาย ส่วนการขาดทุนตัวเลขอยู่ที่ประมาณแสนล้านไม่ใช่สองแสนล้านอย่างที่วิพากษ์วิจารณ์กันยืนยันเพราะมีตัวเลขไปชี้แจงกับป.ป.ช.." นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์

(โพสต์ทูเดย์: http://bit.ly/1mVg6b3)




โต้ง ไวท์ลาย โดน ป.ป.ช. สอบโกงประมูลปรับปรุงข้าวเอื้อสยามอินดิก้า

เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติตั้งคณะอนุไต่สวนคดีการทุจริตเปิดประมูลให้เอกชนดำเนินการปรับปรุงข้าวเพื่อส่งมอบให้แก่ประเทศอินโดนีเซีย (BULOG)ตามสัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ จำนวน 300,000 ตัน เมื่อเดือน ธ.ค. 2554

มีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทสยามอินดิก้าเป็นผู้ชนะการประมูล ทั้งที่ บริษัทสยามอินดิก้ามีความสัมพันธ์เชื่อมโย...งในลักษณะเป็นนอมินีของบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ของนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ที่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย รวมทั้งเคยเป็นคู่สัญญาการค้าขายข้าวกับรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2544/2545 และปี 2546/2547 จำนวน 1.9 ล้านตัน และไม่สามารถส่งมอบข้าวได้ตามสัญญา ผลประโยชน์ที่รัฐควรได้จึงตกไปเป็นของบริษัทสยามอินดิก้า กับพวกพ้องที่เป็นนักการเมือง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ เอื้อประโยชน์แก่กันและกันต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน

คดีนี้ นักการเมืองถูกร้องเรียนคือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ (ช่วงต้นของรัฐบาลยิ่งลักษณ์)

อิศรา http://bit.ly/1e6JBUN




"แม้ ป.ป.ช. จะมีมติแล้วว่ามีการทุจริตแบบจีทูจีจริง
และชาวนาเกือบล้านคนไม่ได้ค่าข้าว
วันนี้ยังแอบขายแบบลับๆ อยู่
เหลือเชื่อ กล้ามาก กล้ามาก
ต้องพูดกันอย่างนี้"...
ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร
นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
กล่าวในงานเสวนาปฏิรูปการป้องกันปราบปรามคอร์รัปชันอย่างเห็นผลและยั่งยืน
เมื่อ 1 เมษายน 2557




คอร์รัปชันทำเศรษฐกิจดิ่งเห

เป็นที่ทราบว่าขณะปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจผืดเคือง คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง ส่วนใหญ่มองว่าเป็นผลจากความขัดแย้งทางการเมืองและค่าครองชีพที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างมาก แต่สาเหตุหนึ่งที่หลายคนนึกไม่ถึงคือคอร์รัปชัน สองตัวอย่างคอร์รัปชันที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับเศรษฐกิจ คือ

1. โครงการรถยนต์คันแรก เป็นนโยบายประชานิยมสีเทา ๆ ที่ใช้เพื่อซื้อคะแนนเสียง ไม่ใช่ลักษณะการโกงกินงบปร...ะมาณที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย เมื่อเดือน ก.พ. 57 สรุปยอดผู้รับรถทั้งสิ้น 1,259,082 ราย มียอดทิ้งจองประมาณแสนราย จากผู้ขอเข้าร่วมโครงการ 1.25 ล้านราย เบื้องต้นเป็นเงินภาษีที่รัฐต้องจ่ายคืนกว่า 9.21 หมื่นล้านบาท ซึ่งหมายถึงรายได้เข้ารัฐที่จะต้องถูกนำไปใช้เป็นงบประมาณแผ่นดิน นี่เป็นส่วนแรกที่กระทบเศรษฐกิจ

ส่วนต่อมา ผู้เข้าร่วมโครงการมีค่ายใช้จ่ายเพิ่มจากการผ่อนรถ ค่าเชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษาและอื่น ๆ เฉลี่ยประมาณเดือนละ 6,000 - 10,000 บาท คิดเป็น "กำลังซื้อ" ที่หายไปจากระบบ 7,554 - 12,590 ล้านบาท ต่อเดือน หรือ 90,653 - 151,089 ล้านบาท ต่อปี ( เกือบๆ 6 % ของเงินงบประมาณปี 57 ซึ่งมากกว่าที่หลายกระทรวงได้รับ)

นี่คือปัญหาหนึ่งที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตเมือง ไม่มีกำลังซื้อ ต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่

2. โครงการรับจำนำข้าว ซึ่งถึงตอนนี้ยากที่จะปฏิเสธว่าไม่มีการทุจริต และเหตุจากการทุจริตดังกล่าวส่งผลกระทบให้เงินที่ใช้ไปกับโครงการสูงถึงกว่า 6.9 แสนล้าน และยังเป็นหนี้ค้างชาวนาประมาณ 1 แสนล้าน ที่ไม่แน่ใจว่าขายข้าวทั้งหมดที่มี 11-12-13 ล้านตัน จะพอจ่ายหรือไม่

การดำเนินโครงการและทุจริตในโครงการส่งผลกระทบ ทำลายระบบการค้าข้าวไทยทั้งระบบซึ่งขอไม่พูดถึง ประเด็นที่น่าสนใจคือ เงินที่ติดค้างชาวนาและค่าบริหารจัดการที่สูงถึง 1.3 แสนล้านบาท เป็นเวลาร่วม 5- 6 เดือน นั้น ทำลายระบบเศรษฐกิจระดับจุลภาคอย่างรุนแรง เงินจำนวนนี้ควรอยู่ในมือชาวนาและผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการเกษตร และหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น กลับกลายเป็นว่าชาวนาถือแค่ใบประทวน และไม่มีเงินหมุน การจับจ่ายต่างๆ ในพื้นที่ทีมีการทำนาจึงซบเซาอย่างหนักต่อเนื่องมาหลายเดือน

และที่พูดกันว่า "คอร์รัปชันไม่ทำให้คนตาย" ตอนนี้ก็ได้เห็นกันอีกครั้งแล้วว่า มีชาวนาฆ่าตัวตายไปแล้วไม่น้อยกว่าสิบราย ถึงเวลาที่คนไทยต้องเปลี่ยนทัศนคติ มองให้เห็นว่าคอร์รัปชันเป็นภัยใกล้ตัว เป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่กระทบความมั่นคงของประเทศโดยรว
See More

 
 










แฉการเมืองสั่งดองปิดบัญชีจำนำข้าว หวังปกปิดผลขาดทุน

แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง ระบุว่า ฝ่ายการเมืองสั่งการให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าวไม่ต้องรีบปิดบัญชีจำนำข้าว เพราะกลัวว่าจะมีผลขาดทุนออกมาเป็นจำนวนมากถึง 4 - 5 แสนล้านบาท ตามที่นักวิชาการประเมินไว้ เพราะในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลมีการเร่งระบายข้าวเป็นจำนวนมาก เพื่อหาเงินไปจ่ายหนี้จำนำข้าวให้กับชาวนาที่ยังค้างอยู่กว่า 1 แสนล้านบาท

สำหรับการปิดบัญชีส...มัยที่ น.ส.สุภา เป็นประธานอนุกรรมการ ได้ปิดบัญชีจำนำข้าวจนถึง 31 พ.ค. 2556 แต่รัฐบาลไม่เคยเปิดเผยตัวเลขขาดทุนอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีการคาดกันว่ามีผลขาดทุนประมาณ 3.3 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้าไปตรวจโครงการรับจำนำข้าว และทำหนังสือถึงรัฐบาลให้หยุดโครงการเพราะมีผลขาดทุนจำนวนมาก

"การที่รัฐบาลชุดนี้ยังอยู่ ซึ่งเป็นรัฐบาลรักษาการจะไม่มีการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว การจะรู้ผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวที่แท้จริง ต้องรอให้มีรัฐบาลใหม่ที่ไม่ใช่มาจากรัฐบาลเดิม" แหล่งข่าวกล่าว

แนวหน้า http://bit.ly/1hdBhO7